เชื่อมั่นนายกฯ อภิสิทธิ์ แต่ไม่เชื่อมั่นประเทศไทย

โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง 31 สิงหาคม 2552 09:16 น.

       ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
       ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
       
       8 เดือนที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้พิสูจน์ให้ประชาชนศรัทธาและเชื่อมั่น จากคำสบประมาทว่าเป็นเด็กบ้าง ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารงานบ้าง ภาพลักษณ์ของคุณอภิสิทธิ์กลายเป็นคนหนุ่มที่ทำงานหนัก ฉลาด เชื่อถือได้ ซื่อสัตย์ ไม่โกง มุ่งมั่นปรารถนาดีต่อประเทศ แต่เป็นคนที่น่าสงสาร ที่ต้องทำงานในสภาวะแวดล้อมที่มีปัญหา และมีวิกฤติเฉพาะหน้าให้แก้ไขอยู่เสมอๆ จนยากที่จะเดินหน้าได้มากนัก
       
       ยิ่งกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง จะเห็นว่า ประเทศไทยเวลานั้นมีปัญหารุมเร้ารอบด้าน หลากมิติ เป็นโจทย์ที่ยาก และซับซ้อนอย่างยิ่งสำหรับคนที่เข้ามาเป็นรัฐบาล
       
       ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้กำลังซื้อของต่างประเทศลดลง กระทบต่อการส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุน การจ้างงานและการผลิตสินค้าในประเทศไทย ภาครัฐจึงต้องเข้ามารับภาระในการกระตุ้นและพยุงระบบเศรษฐกิจของประเทศ
       
       นายกรัฐมนตรีประเทศไทย ในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน นอกจากจะต้องมีบทบาทเป็นผู้นำประเทศแล้ว ยังต้องมีบทบาทเป็นผู้นำชาติอาเซียนอีกหลายประเทศ เพื่อนำพาอาเซียนก้าวไปสู่การเป็นประชาคมที่เข้มแข็ง สร้างอนาคตใหม่ร่วมกัน นายกฯ จึงจำเป็นต้องเป็นมีภาพลักษณ์อินเตอร์ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล อ่อนน้อมถ่อมตัว และมีไฟของความมุ่งมั่นที่จะฝ่าฝันอุปสรรคของอาเซียน ซึ่งนายกฯ อภิสิทธิ์ก็ได้แสดงให้เห็นในระหว่างการไปร่วมประชุมกับประเทศผู้นำเศรษฐกิจโลก (G20) หรือที่ดาวอส สวิสเซอร์แลนด์ ได้รับการยอมรับจากชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก และได้รับคำชื่นชมจากนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล
       
       วิกฤติการเมืองในประเทศยังรุมเร้า เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานอยู่ตลอดเวลา เหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมเสื้อแดงถูกปลุกปั่นและสั่งการจนกระทั่งกระทำการบุกเข้าทำลายการประชุมผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่พัทยา เป็นตัวอย่างของอุปสรรคและปัญหาจากการเมืองภายในประเทศ
       
       ในช่วงวิกฤติ แม้ชีวิตของตนเอง คุณอภิสิทธิ์ก็เกือบไม่รอด ถูกผู้ชุมนุมที่บ้าคลั่งไล่ล่า ปิดล้อม เข้าทุบรถ มุ่งหมายเอาชีวิตหลายครั้งหลายหน แต่ช่วงวิกฤติ 7-14 เมษายน 2552 นายกฯ อภิสิทธิ์ก็แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะและความสามารถในการควบคุมสถานการณ์จลาจล ท่าที คำพูด และการวางตัวที่อ่อนน้อมกับประชาชน แต่เด็ดขาดกับปัญหา จนสามารถคลี่คลายวิกฤติที่กำลังจะบานปลาย นำไปสู่ทางออกที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
       
       นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่ไม่มีใครคาดคิด เช่น โรคไข้หวัดสายพันธ์ 2009 ที่แพร่ระบาดจากนอกประเทศเข้ามาในประเทศ เป็นอันตรายต่อชีวิต และเกิดผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ตามมา เป็นต้น
       
       ปัญหาเหล่านี้ ล้วนแต่กระทบชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน (ยกเว้นคนที่หนีไปอยู่นอกประเทศ) คนไทยในประเทศทุกคนมีผลประโยชน์และชะตากรรมร่วมกัน อยู่ในสถานการณ์ปัญหาเหล่านี้
       
       ในฐานะผู้นำประเทศยามวิกฤติ หากพิจารณาโดยตัดอคติส่วนตัวออกไป จะเห็นว่า นายกรัฐมนตรีได้ทำงานแก้ไขสถานการณ์ ประคับประคองประเทศชาติมาเป็นลำดับ สามารถทำให้คนเกิดความเชื่อมั่นในตัวนายกฯ อภิสิทธิ์ มากขึ้นเรื่อยมา
       
       แต่… ถึงขณะนี้ คนยังไม่เชื่อมั่นพรรคประชาธิปัตย์ และยังไม่เชื่อมั่นประเทศไทย… ทำไม?
       
       1) คนยังไม่มั่นใจว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ อันที่เคารพรักและเทิดทูน เป็นศูนย์รวมใจของคนในชาติ จะอยู่รอดปลอดภัยจากขบวนการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมรพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่ จะปกป้องเทิดทูนรักษาสถาบันสำคัญนี้ไว้ได้อย่างไร
       
       จุดอ่อนที่เกิดจากสนิมในเนื้อในที่ถูกโจมตีนั้น จะแก้ไขดูแลรักษาอย่างไร
       
       2) แม้อำนาจฝ่ายตุลาการและอำนาจฝ่ายบริหาร จะพยายามทำหน้าที่ของตนเองอยู่ แต่คนยังไม่มั่นใจว่า อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศได้ทำหน้าที่ของตนเองหรือไม่ เพราะ ส.ส. ที่มีหน้าที่ออกกฎหมาย กำกับดูแลควบคุมการทำหน้าที่ของรัฐบาล กลับไม่ทำหน้าที่ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่ไม่เคยเสนอกฎหมายหรือตั้งใจแปรญัตติกฎหมาย มีแต่ตีรวนการพิจารณากฎหมาย ออกทีวีสร้างภาพ ปลุกระดม ป่วนสภา จ้องล้มรัฐบาล โดยที่ผู้นำฝ่ายค้านก็ยังไม่มี สะท้อนถึงการไม่ให้ความสำคัญกับหน้าที่ฝ่ายค้าน เอาแต่อยากเป็นรัฐบาล
       
       ในขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจำนวนไม่น้อย ก็มัวไปช่วยงานรัฐบาล ช่วยงานรัฐมนตรี จนทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติของตนเองได้อย่างเต็มที่
       
       3) กระบวนการยุติธรรมยังทำงานล่าช้า โดยเฉพาะในระดับต้นธาร ได้แก่ ในชั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวน อัยการ ยังล่าช้า ไม่ส่งฟ้องศาล ไม่ทันเหตุการณ์ คดีเกี่ยวกับการก่อความไม่สงบหลายคดี ยังปล่อยให้คนทำผิดกระทำผิดซ้ำซาก ลอยนวล ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองต่อไปไม่รู้จบ
       
       4) องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญยังทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ทำงานบ้าง ไม่ทำงานบ้าง ไม่เอาจริงเอาจัง ไม่เด็ดขาด เงอะงะไปตามสถานการณ์
       
       แม้ว่า กกต. และ ป.ป.ช. ดูจะตั้งใจทำงาน และมีภาระหนักหนา แต่ก็มีการเลื่อนเวลาวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการชี้มูลความผิดที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการและนักการเมืองใหญ่ เหมือนมีความเกรงกลัวอะไรบางอย่าง
       
       คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็เพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่ ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน คงต้องเร่งรีบทำงาน แสดงให้เห็นว่า เข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวม และเป็นงาน ไม่ใช่เข้ามาเอาตำแหน่ง เอาหน้าเอาตาเท่านั้น
       
       ที่น่าเสียดาย คือ ผู้ตรวจการแผ่นดิน อยู่มานานแต่ไม่ปรากฏผลงาน ทั้งๆ ที่ โดยอำนาจหน้าที่สามารถจะเป็นที่พึ่งของประชาชนและประเทศชาติส่วนรวมได้มากกว่านี้ เอาแค่มาตรา 244 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ระบุให้เป็นผู้ประเมินผลการใช้รัฐธรรมนูญ ปัจจุบัน มีพรรคการเมืองต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพรรคพวก โดยละเว้น หลีกเลี่ยง หรือแม้แต่จะทำลายเสียซึ่งการปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เห็นว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะออกมาดำเนินการอะไรตามอำนาจหน้าที่
       
       แม้แต่ ส.ส. แจกกล้วย แจกสัตว์เลื้อยคลานในสภา สร้างเรื่องเท็จอภิปราย แจกซีดีตัดต่อใส่ร้ายป้ายสีสร้างหลักฐานเท็จ หวังสร้างความปั่นป่วนแตกแยกและปลุกระดมความรุนแรงในบ้านเมือง กระทำการอย่างไร้จริยธรรมสิ้นดี ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้จะต้องริเริ่มดูแลให้มีประมวลจริยธรรมและบังคับให้เป็นไปตามประมวลจริยธรรม กลับไม่เห็นดำเนินการอะไรให้เป็นรูปธรรม รัฐธรรมนูญให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจฟ้องร้องศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่กรณีที่พบการทำผิดจริยธรรมร้ายแรงเช่นนี้ ก็สามารถจะยื่น ป.ป.ช. ส่งให้วุฒิสภาถอดถอนนักการเมืองผู้กระทำผิดจริยธรรมนั้นได้ แต่ก็ไม่ปรากฏการดำเนินการใดๆ เสมือนหนึ่งว่า ไม่มีผู้ตรวจการแผ่นดินที่มีอำนาจหน้าที่อย่างนี้
       

       5) พรรคร่วมรัฐบาลยังมีปัญหา เริ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปทำงานในฝ่ายบริหาร ปรากฏว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของรัฐมนตรีที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ปรากฏผลงานในเรื่องสำคัญในระดับที่น่าประทับใจ บางคนถูกกล่าวหาว่าเป็นรัฐมนตรีที่โลกลืมเสียด้วยซ้ำ
       
       พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย ริเริ่มทำงานและผลักดันโครงการมาก เช่น ขายข้าว ขายข้าวโพด บ้ายสนามบิน รถเมล์ 4,000 คัน ถนนปลอดฝุ่น รถไฟสายสีต่างๆ ฯลฯ รวมทั้งวาระการเมืองอย่างการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม แต่เป็นการทำไปพร้อมๆ กับความหวาดระแวง ความไม่เชื่อใจของสาธารณชน ว่ามีวาระซ่อนเร้น ผลประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝง หรือตั้งใจหาประโยชน์ให้ตนเองและพรรคพวก หรือไม่
       
       พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อแผ่นดิน และอื่นๆ ก็ยังไม่เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน กระทรวงที่ดูแลทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมก็ไม่ใส่ใจควบคุมมลพิษ แม้จะได้ประกาศพื้นที่นิคมมาบตาพุดในจังหวัดระยองให้เป็นเขตควบคุมมลพิษ ก็มิได้ใส่ใจออกมาตรการตรวจสอบควบคุม มิหนำซ้ำยังปล่อยปละละเลยให้กระทรวงอุตสาหกรรมออกใบอนุญาต ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติมหนาแน่นหนักขึ้นไปอีก
       
       6) สื่อมวลชนทั้งของรัฐ และที่ให้เอกชนได้รับสัมปทาน ยังไม่ได้ถูกกระตุ้นเตือนให้ทำหน้าที่มีส่วนร่วมสำคัญในการกู้วิกฤติของบ้านเมืองในยามนี้ ด้วยการให้สาระ ความรู้ ความจริง และแนวทางในการขจัดความขัดแย้งในสังคมการเมือง โดยปกป้องและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายและอำนาจตุลาการ
       
       แต่สื่อมวลชนของไทยยังมองการใช้สื่อเพื่อประโยชน์ทางการค้าและธุรกิจ เหมือนประเทศอยู่ในภาวะปกติ ประชาชนส่วนที่ได้ข้อมูลข่าวสารไม่เพียงพอจะถูกหลอก ถูกใช้ให้ทำอะไร ก็ไม่ใช่หน้าที่ของสื่อมวลชนที่จะให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
       
       7) กระบวนการปกป้องอำนาจ และผลประโยชน์จากคนที่หนีคดี หนีการรับโทษอยู่ต่างประเทศ ยังออกปฏิบัติการก่อกวน เพื่อล้มคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทจากคดีร่ำรวยผิดปกติ และคดีอื่นๆ โดยหลอกลวงจ้างวานให้คนมาปลุกปั่น สร้างความปั่นป่วนด้วยข้อมูลเท็จ เช่น “สองมาตรฐาน” – “คนซื้อที่ดิน(เมีย)ไม่ผิด แต่คนรับรองผิด” เป็นต้น
       
       ขบวนการล้มเจ้า หรือแดงเดิม แดงแท้ แดงสยาม ถือโอกาสเกาะกลุ่มแนวร่วม โหมกระหน่ำ ตีกระหนาบ สร้างกระแสไม่เอาเจ้า ล้มอำมาตย์ ร่วมไปด้วย
       
       8) เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบางส่วน ยังโลเล เอาตัวรอด ใส่เกียร์ว่างหรือเกียร์ถอยหลัง คิดประโยชน์ของตนต้องมาก่อน พวกใกล้เกษียณก็วางมือ ระมัดระวังตน กลัวทำผิดพลาด
       
       หรือบางคน ถึงขนาดถูกมองว่า พยายามหาผลประโยชน์ส่วนตัว เก็บไว้กินหลังเกษียณ !
       
       โดยเฉพาะฤดูโยกย้ายก่อนเดือนตุลาคม ยิ่งเห็นการวิ่งเต้น ซื้อตำแหน่ง เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลที่เกิดมาต้องได้เป็นใหญ่ !
       
       ทั้งหมดนี้ ทำให้นายกฯ อภิสิทธิ์ ที่คนเริ่มให้ความเชื่อมั่น ต้องทำงานหนัก ทุกเรื่อง ทุกปัญหา ถนนทุกสายพุ่งตรงต่อนายกฯ อภิสิทธิ์ อันเป็นสิ่งสะท้อนถึงการให้ความคาดหวัง และไว้วางใจในตัวนายกฯ คนนี้
       

       แต่เกรงว่า… วันหนึ่ง คุณอภิสิทธิ์จะต้องพลาด และความเชื่อมั่นอาจหมดไปกับความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล และความไม่เชื่อมั่นในประเทศไทย
       

       คนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล ควรถือเป็นภาระหน้าที่ ที่จะทำให้เกิดความ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ไปพร้อมๆ กับ “เชื่อมั่นนายกฯ อภิสิทธิ์” มิใช่หรือ
ขอขอบคุณ..

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000099040

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

เรียนภาษาญี่ปุ่นกันนะ

สวัสดีตอนเช้า Ohayou gozaimasu โอะฮาโย โกไซอิมัส 
สวัสดีตอนบ่าย Konnichiwa คอนนิจิวะ 
สวัสดีตอนกลางคืน Konbanwa คอนบังวะ 
ราตรีสวัสดิ์ Oyasuminasai โอะยะซุมินะไซ

 ขอบคุณมาก  Arigatou gozaimasu อะริกะโตะ โกะไซอิมัส 
ไม่เป็นไร Douitashimashite โดอิตะชิมะชิเตะ 
ขอโทษ (รบกวน) Sumimasen/suimasen ซุมิมะเซง/ซุยมะเซง 
ขอโทษ Gomennasai. โกเมงนาไซ 
ยินดีที่ได้รู้จัก Hajimemashite ฮะจิเมะมาชิเตะ 
บาย เจอกันใหม่ Ja, Matane  จา มาตาเนะ 
นอนหลับฝันดี Oyasuminasai  โอะยาสุมินาไซ  

ข้าว Gohan โกะฮัน 
อาหารกลางวัน Hirugohan ฮิรุโกะฮัน 
อาหารเย็น Bangohan บันโกะฮัน 
น้ำ Misu มิสุ 
ชาฝรั่ง Kocha โคชะ 
นม Gyunyu กีวนีว 
เนื้อไก่ Toriniku โทะรินิกุ 
เนื้อ Niku นิกุ 
ปลา Sakana ซะกะนะ 
ผัก Yasai ยะซะอิ 
ผลไม้ Kudamono คุดะโมะโนะ  
เพื่อน (Tomodachi) โทโมดาจิ
หิมะ (Yuki) ยูกิ
ดอกไม้ (Hana) ฮานะ
เพลง (Uta) อูตะ
พระอาทิตย์ (Taiyo) ทาอิโยะ
เด็ก (Kodomo) โคโดโหมะ
กระเป๋า (Kaban) คาบัง
หมา (Inu) อินุ
แมว (Neko) เนะโกะ
ฝน (Ame) อะเมะ
บ้า (Baga) บ้าก่า
เผ็ด (Karai) คะไร
ปราสาท (Jo) โจ
พรุ่งนี้ (Ashita) อะชิตะ
กิน (Taberu) ทาเบรุ
ใหญ่ (Dai) ได
โรงแรม Hoteru โฮเทรุ 
รถแท็กซี่ Takushi ทาคุชี 
โทรศัพท์ Denwa เด็งวา 
โรงพยาบาล Byooin เบียวอิน 
เป็นไข้/ตัวร้อน Netsu นัทสึ 
ช็อบปิ้ง (Shopping) 
ราคาเท่าไร   Ikura อิคุระ (เดสกา)   
เงินทอน Osueri โอสุริ    
เงินสด Okane โอกาเนะ 
ที่สนามบิน (At the airport) 
หนังสือเดินทาง Passport  พาสปอร์ต 
กระเป๋าเดินทาง Nimothu นิมอทสุ    
ตั๋วเครื่องบิน Hikoki No Kippu ฮิโคคิ โนะ คิปปุ
โรงแรม Hoteru โฮเทรุ 
รถแท็กซี่ Takushi ทาคุชี 
โทรศัพท์ Denwa เด็งวา 
โรงพยาบาล Byooin เบียวอิน 
เป็นไข้/ตัวร้อน Netsu นัทสึ 
ช็อบปิ้ง (Shopping) 
ราคาเท่าไร   Ikura อิคุระ (เดสกา)   
เงินทอน Osueri โอสุริ    
เงินสด Okane โอกาเนะ 
ที่สนามบิน (At the airport) 
หนังสือเดินทาง Passport  พาสปอร์ต 
กระเป๋าเดินทาง Nimothu นิมอทสุ    
ตั๋วเครื่องบิน Hikoki No Kippu ฮิโคคิ โนะ คิปปุ
โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

ช่วงเวลาที่เงียบเหงา

เป็นเรื่องธรรมดา…

ที่ชีวิตต้องมีช่วงเวลาเงียบเหงา…
ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจตัวเองเป็นเพื่อน
ความเงียบเหงาช่วยให้เข้มแข็งขึ้น

การอยู่คนเดียวเป็นช่วงเวลาที่ดี…
ที่จะได้ฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งมั่นคง
ความเงียบเหงาช่วยให้เข้าใจชีวิต
ได้มีโอกาสสังเกตและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว…

เป็นเรื่องธรรมดา…
ที่ชีวิตต้องมีเวลาเงียบเหงา…
แต่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา…
ถ้ารู้จักเปลี่ยนแปลงความเหงาให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง…

เวลาที่ไม่มีเพื่อน…
เราจะได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง…
ได้เรียนรู้วิธีที่จะเป็นเพื่อนที่ดีให้กับตัวเอง…

เวลาที่ไม่มีเพื่อน…
เป็นเวลาที่เราจะได้พิสูจน์ว่าอยู่ได้ด้วยตนเอง
และรู้ว่าเรามีคุณค่ากว่าที่เคยคิด

เวลาที่ไม่มีเพื่อน…
ในที่สุดเราจะค้นพบความเป็นตัวของตัวเอง
รู้จักตัวเองในแง่มุมใหม่ ๆ ได้ทำความเข้าใจตัวเองมากขึ้น…

อย่าเสียเวลานั่งเหงา…
เวลาที่ไม่มีเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ
เพราะนั่นคือโอกาสที่ดีของชีวิต
ในการทบทวน…แก้ไข และปรับปรุงตัวเอง
เพื่อที่จะได้รักตัวเองมากขึ้นและทำแต่สิ่งดี ๆ ในวันต่อไป….

"ความเงียบเหงา ..อาจจะเป็นความรู้สึกดีหรือร้ายก็ได้
ขึ้นอยู่กับว่า ..เราจะมองมันเป็นเพื่อนหรือศัตรู"

ขอขอบคุณ http://variety.teenee.com/foodforbrain/16662.html

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 1 ความเห็น

ระหว่าง “คนที่ใช่” กับ “ใครที่ผูกพัน” คุณจะเลือกใคร??

            …หากฉันฝันถึงเธออย่างเขา หรือถ้าเขาแสนดีอย่างเธอ สิ่งที่ถามฉันคงไม่ลำบากใจ

          เหอะ ๆ ไม่ได้กำลังอยู่ในอารมณ์เดียวกับเพลงหรอกนะคะ แต่รู้สึกว่าเหตุการณ์แบบเพลงข้างต้นน่ะ  คงกำลังโดนใจใครหลายคนอยู่แน่ ๆ

ก็แหม..ความรักเป็นเรื่องออกแบบไม่ได้ ระหว่างคนที่ใช่กับใครที่ผูกพัน

          บ่อยครั้งที่คนบางคนที่มีคนรู้ใจอยู่แล้ว แต่สวรรค์เหมือนกลั่นแกล้งประทานคนมาดดี ตรงสเปคแบบเป๊ะๆ มาทำให้ใจไหวหวั่น ทำเอาสั่นคลอนความรักกับคนใกล้ตัวของเราซะอย่างนั้น ฟากชายหนุ่มที่นิสัยดี๊ดี ปากบอกรักแฟนสุดชีวิต แต่เมื่อเจอสาวใกล้ชิด หน้าตาดี นิสัยใช้ได้ แบบว่ารอคอยมาแสนนาน ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งอยากอยู่ใกล้ รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ฯลฯ เฮ้อ..แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี เป็นคำถามนี้หลายคนยังหาคำตอบไม่เจอ..

         งั้นขอถามเพื่อนๆ บ้างว่า "คนมาทีหลัง แต่ใช่" กับ "นัมเบอร์วันในหัวใจ ที่ผูกพัน" คุณจะเลือกใครกัน ?!?!

ขอบคุณ  http://variety.teenee.com/foodforbrain/16600.html

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 1 ความเห็น

แนวข้อสอบ 83707

1. แนวคิด / ทฤษฎี อธิบายถึงแนวคิดของประชาสังคม (หน่วยที่ 1)
2. แนวคิดเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่น กรณีศึกษาเกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณะ ให้ดูแนวคิด ทฤษฎี ตัวอย่างประกอบ (หน่วยที่ 12)
3. ให้ดูปัญหาขององค์กรภาคประชาชน ยกตัวอย่างประกอบ
 
ขอบคุณ..เพื่อนจ๋า..จากกลุ่ม อาจารย์วรารักษ์ โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี กรุงเทพฯ
โพสท์ใน รัฐศาสตร์ | 1 ความเห็น

“แฟนเก่า” ของคุณ เป็นแบบไหน???

-แฟนเก่าคือมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ และคุณก็รู้จักความไม่สมบูรณ์ของเขามากกว่าใคร(คุณอาจจะสาปส่งแฟนเก่าไปแล้ว  แต่ถ้ามองดีๆคุณ จะเห็นว่าแฟนใหม่ของคุณก็มักจะมีอะไรที่คล้ายๆแฟนเก่าของคุณอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ทำไมเนอะ-แฟนเก่าคือคนคนหนึ่งที่คุณเคยหัวใจเต้นแรงเพียงแค่เห็นแผ่นหลังเขาไวๆ แต่ปัจจุบันคุณดีใจที่เห็นแค่แผ่นหลังของเขา

-แฟนเก่าคือ ผู้ชายที่พาผู้หญิงที่สวยกว่ามาเดินควงอวดคุณ แต่จะหลบหน้าทันทีถ้าได้แฟนใหม่ที่หน้าเยินกว่าคุณ

-แฟนเก่าคือคนที่เคยบอกว่าใจเขาน่ะเป็นของคุณ และไม่แน่นะวันนี้ใจเขาก็อาจจะยังเป็นของคุณก็ได้แต่ตัวเขาน่ะ ไปเป็นของคนอื่นเรียบร้อยแล้ว

-แฟนเก่าคือคนที่ทำให้คุณรู้ว่าชีวิตโสดมันก็ไม่แย่นักหรอก

-แฟนเก่าคือ คนที่เคยทำให้ชีวิตของคุณวุ่นวาย และคุณก็ยังเคยพยายามยื้อเพื่อให้เค้าอยู่สร้างความวุ่นวายให้ชีวิตคุณนานๆด้วย

-แฟนเก่าคือคนที่ทำให้คุณเข้าใจว่าความรักมันไม่ได้มีแค่มุมสวยงามอย่างที่คิด

-แฟนใหม่ของแฟนเก่ามักจะกลายเป็นคู่อริของคุณไปโดยปริยาย

แฟนเก่าคือคนที่มองเห็นข้อเสียของคุณมากกว่าแฟนคนปัจจุบันของคุณ

แฟนเก่คือคนที่คุณกำลังคิดถึงเค้าและเค้าก็คิดถึงคุณเหมือนกัน แต่ไม่มีใครยอมโทรหากันก่อน เพราะถ้าโทรเขาคงจะไม่ใช่แฟนเก่าแต่เป็นแฟนปัจจุบันของคุณไปน่ะสิ

-แฟนเก่าคือ คนที่เคยทำให้คุณร้องให้  หัวเราะ และให้บทเรียนชีวิตเล็กๆ ถึงใหญ่มากเป็นของขวัญ

-แฟนเก่าคือ คนที่คุณเองก็ทำให้เค้าเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน(จริงมั้ย)

     อย่าโกรธแฟนเก่าเลยที่ทำให้คุณเสียใจ  เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก    เพียงแต่เขาได้แสดงธาตุแท้ออกมาเท่านั้นเอง

http://variety.teenee.com/foodforbrain/16602.html

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 1 ความเห็น

ถ้าหากโลกนี้ไม่มีความคิดถึงจะเป็นยังไงนะ?

 

 

 

ถ้าหากโลกนี้ไม่มีความคิดถึงจะเป็นยังไงนะ? (สำนักพิมพ์ริมทะเล)

 

 

ในเวลาที่เราต้องห่างไกลอย่างนี้
ฉันจะเรียกความรู้สึกที่มีต่อเธอว่าอะไรดี?

 

 

ความรู้สึกที่ . . . มองไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าเธอ
ความรู้สึกที่ . . .ไม่เคยลืมเรื่องราวดีดีระหว่างเรา
ความรู้สึกที่ . . .อยากฟังแต่เพลงเก่าๆ ที่เคยฟังด้วยกัน
ความรู้สึกที่ . . .อยากให้เธอกลับมาที่นี่ . . .ตรงนี้. . . อยู่กับฉัน

 

 

ความรู้สึกแบบนี้ . . .
ถ้าไม่เรียกว่าคิดถึงจะเรียกว่าอะไร
จะเรียกว่า "คิดถึงเธอมากมาก" ได้ไหมนะ . . .
 

 

 

                

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

จากหนังสือ ฉันมีชีวิต…เพื่อคิดถึงเธอ
โดย Binny’s girl
และ http://women.kapook.com/view1011.html

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 1 ความเห็น

คุณเป็นคนโสดแบบไหน?

โสดแสนดี

โสดประเภทนี้มีแต่ความหวังดี (มาก) และพร้อมที่จะเสียสละเพื่อคนที่รักตลอดเวลา แม้ตัวเองจะเจ็บช้ำแค่ไหนก็ยอม ขอแค่ให้เขาหรือเธอมีความสุขก็พอ (โห… เจ้าชาย/นางฟ้า ตัวจริง) ลักษณะเด่นของคนโสดกลุ่มนี้คือ รักกี่ทีก็ช้ำ เพราะมัวแต่เป็นคนดี (ไม่ดูตาม้าตาเรือ)คนโสดประเภทนี้ เขาจะมีเพลงประจำตัว คือ เพลงคนดีไม่มีที่อยู่ ของ POTATO

โสดเจียมตัว

โสดประเภทนี้เป็นคนดีอีกแบบ (แต่น้อยกว่าข้อแรก) ดีแบบเจียมเนื้อเจียมตัว มองตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าอยู่ตลอดเวลา ไม่หวังอะไรมากมาย ขอแค่เป็นจุดหนึ่งเล็กๆ เท่าตับมดที่ได้รักเธอก็พอ (อะไรจะเล็กขนาดนั้น… 555) คนโสดกลุ่มนี้ มีเพลงประจำตัว คือ คนเจียมตัวของ SO COOL

โสดโดนสาป

โสดประเภทนี้มองชีวิตว่ามีกรรม ฟ้าดินกลั่นแกล้ง สวรรค์ไม่มีตา เทวดาสาปส่งให้ไม่มีคนรัก ไม่มีคนสนใจ (โห… ชีวิตรันทดสุดๆ อ่ะ) มีรักเก็บกักตุนไว้เต็มหัวใจ แต่ไม่มีใครต้องการ(แงๆ เศร้าจริงๆ) เพลงประจำตัวคนโสดประเภทนี้ คือ คนไม่มีแฟน ของ เบิร์ด ธงไชย

โสดปากแข็ง

โสดประเภทนี้ชอบทำตัวเหมือนไม่เดือดร้อน ไม่มีใครรักก็ไม่เป็นไร ฉันอยู่ของฉันได้อย่างสบายๆ ไม่แคร์ใคร (แต่ใครจะรู้บ้างว่าในใจน่ะว้าเหว่มากๆ แถมร้องตะโกนเรียกหาใครบางคนอยู่) คนกลุ่มนี้มี เพลงประจำตัว คือ ความลับ ของ พอส

โสดอาฆาต

โสดประเภทนี้มีความอาฆาตพยาบาทสูง รักแรง เกลียดแรง แถมยังแค้นแรงอีกต่างหาก(ใครทำฉันเจ็บ จากไปอย่าได้หวังว่าจะมีความสุข เพราะฉันจะตามสาปส่งพยาบาททุกชาติไป) คนกลุ่มนี้มี เพลงประจำตัว คือ ขวากหนาม ของ HYPER

โสดใฝ่สูง

โสดประเภทนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับโสดเจียมตัว เพราะมีนิสัยและการมองโลกที่ตรงข้ามกันมีความทะเยอทะยาน ฝันสูง ถือคติความรักไม่ใช่เรื่องไกลตัว เธอหรือเขาอยู่สูงแค่ไหนก็ต้องเอื้อมมาให้ได้ แม้จะถูกคนในสังคมส่วนใหญ่มองว่าเป็นหมาวัดที่ชอบเด็ดดอกฟ้าก็ย อมเพลงประจำตัวคนโสดประเภทนี้ คือ หมาเห่าเครื่องบิน ของ โลโซ

โสดเจ็บแล้วต้องจำ

โสดประเภทนี้เป็นพวกเข็ดขยาดกับความรัก เพราะเคยมีประสบการณ์ที่เจ็บปวด (อกหัก/ถูกทิ้ง) ก็เลยถือคติเจ็บแล้วต้องจำ จะไม่ช้ำ ไม่รักใครอีกแล้ว ขออยู่เป็นโสดไปจนตาย (ปิดกั้นตัวเองซะยั่งงั้น) เพลงประจำตัวโสดประเภทนี้ คือ เพื่อนกับแฟนแทนกันไม่ได้ของ เล้าโลม

โสดมั่นใจ

โสดประเภทนี้มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง (มาก) สามารถพลิกผันสถานการณ์ “อกหัก” ให้เป็น “ทางเลือก” ได้ ประมาณว่า ดีแล้วที่เลิกกันไป ฉันจะได้มีโอกาสมองคนใหม่ที่ดีกว่านี้(ถึงจะเป็นโสดก็ไม่เป็นไร ฉันมั่นใจ ฉันไม่ผิด) เพลงประจำตัว คือ ไม่เดือดร้อน ของ Calyn

โสดพยายาม

โสดประเภทนี้มีเป้าหมายชัดเจนว่าไม่อยากเป็นโสด ฉะนั้นจึงมีความพยายาม กระตือรือร้นและลงมือทำเพื่อให้พ้นจากสถานะ “โสด” โดยเร็ว ถือคติไม่ลงทำมือก็ไม่ได้มา (แต่ยังไม่เข้าข่ายเกินงาม) เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ของโสดกลุ่มนี้เป็น สาวยุคใหม่ มีความมั่นใจพอตัว เพลงประจำตัว คือ ผ้าเช็ดหน้า ของ ไทรอัมพส์คิงดอม

โสดยังหวัง

โสดประเภทนี้มีความหวังเป็นแรงบันดาลใจ ถือคติชีวิตนี้ไม่สิ้นหวัง ชอบการรอคอยค้นหาวันนี้ไม่เจอไม่เป็นไร พรุ่งนี้ยังไหว… รอได้ๆ แต่มีความพยายามไม่เท่ากลุ่มก่อนหน้านี้ ไม่ชอบการลงมือปฏิบัติ แต่ชอบตั้งหน้าตั้งตารอคอย (กี่ชาติผ่านไป ไม่เคยสิ้นหวัง!!) สำหรับเพลงประจำตัว คือ คนที่ไม่เข้าตา ของ Calories – Blah Blah

เอ… แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ เป็นคนโสดแบบไหน? อิอิ..

ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/15276.html

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 1 ความเห็น

การให้โอกาส

           การให้โอกาสมีหลายแบบตั้งแต่การให้โอกาสคนร้ายกลับตัวเป็นคนดีของสังคม การให้โอกาสแฟนที่นอกใจเพื่อกลับมาเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ หรือการให้โอกาสคนที่ทำพลาดให้ดำเนินชีวิตที่ถูกทาง อย่างเช่น การที่อาจารย์ให้โอกาสลูกศิษย์ที่ทำสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรให้กลับตัวกลับใจใหม่เพื่อดำเนินชีวิตให้ถูกต้องไม่หลงผิดในสิ่งที่ไม่ควรทำ การกระทำของอาจารย์เช่นนี้เป็นการให้โอกาสลูกศิษย์ก่อนที่จะมีการลงโทษสถานหนักเพราะในบางครั้งก็ต้องยอมรับว่า คนเราทุกคนย่อมผิดพลาดกันได้ แล้วแต่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนและสังคมยอมรับได้หรือไม่

          หากลูกศิษย์คนใดได้รับโอกาสจากอาจารย์ตามที่กล่าวนี้ก็นับว่าเป็นโชคดีของลูกศิษย์ที่ได้เป็นศิษย์ของอาจารย์ โอกาสที่ได้กับการกระทำที่ผิดพลาดย่อมเป็นประสบการณ์ชีวิตที่สำคัญและเป็นบทเรียนสอนใจไม่ให้มีการดำเนินชีวิตที่ผิดพลาดอีก อีกทั้งประสบการณ์ที่ประสบก็สามารถบอกกล่าวและให้คำแนะนำผู้ที่คิดจะทำสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรว่า อย่าได้กระทำผิด ให้เป็นตราบาปในจิตใจ เพราะความมักง่ายของตัวเอง

          การให้โอกาสเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้าไม่ทำผิดเลยก็จะเป็นสิ่งที่ดีกว่าเพราะการทำอะไรด้วยตัวเองอาจจะดีหรือไม่ดีแต่ก็เป็นความภูมิใจของเราว่าได้ทำถึงที่สุดแล้ว จะดีหรือไม่ดี ใจของเราเท่านั้นที่จะทุกข์หรือสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไป มาเถอะนะมาเป็นคนดีของสังคมเพื่อความภูมิใจของเราเองด้วยว่าได้ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อตนเองและผู้อื่น

ขอขอบคุณ: http://gotoknow.org/blog/hennypink/97019

 

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

แนวข้อสอบ 83704

ข้อสอบ  ปัญหาเฉพาะเชิงนโยบายสาธารณะ

มีทั้งหมด  3  ข้อใหญ่  …..แต่ให้ศึกษาตามหัวข้อดังนี้นะคะ

    หน่วยที่ 1-3  อ่านมาเยอะๆ ดีที่สุดคร๊าบ…

    ความหมายของคำว่า นโยบาย  คืออะไร   ,   สาธารณะ  หมายความว่าอะไร ,  แล้วทั้งสองคำรวมกัน  นโยบาย + สาธารณะ  จะมีความหมายว่าอย่างไร  (ข้อนี้ก้อสำคัญเหมือนกันจ๊ะ)

    หน้า  9   ศึกษา  (ตัวบ่งชี้ความสำเร็จของนโยบายสาธารณะ)

    หน้า 10  ศึกษา (ลักษณะสำคัญของนโยบายสาธารณะ)

    หน้า 14  ศึกษา  (กระบวนการนโยบายสาธารณะ)

    หน้า 16  ศึกษา  (ลักษณะของนโยบายสาธารณะที่ดี)

    หน้า 17  ศึกษา  (ประโยชน์ของนโยบายสาธารณะ)

    หน้า 24  ศึกษา  (วงจรนโยบายสาธารณะ)

    หน้า 31-33 ศึกษา  (ปัจจัยที่ส่งผลกระทบฯ + สาเหตุที่ทำให้เกิดนโยบายสาธารณะ)

    หน้า 78  ศึกษา  (ตัวแบบสถาบัน)

    หน้า 82  ศึกษา  (ตัวแบบกระแส-หน้าต่างนโยบาย)

    หน้า 126 ศึกษา (ขั้นการก่อตัวของนโยบายสาธารณะและการกำหนดปัญหา)

    หน้า 129 ศึกษา (ขั้นการจัดทำข้อเสนอนโยบายสาธารณะ)

    หน่วยที่ 3  เรื่องที่ 3.2.1 – 3.2.3 (อาจจะออกเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อ่านไว้ให้ดีก็แล้วกัน)

    หน้า 178 ศึกษา  (การเปรียบเทียบแนวทางต่างๆ ในการวิเคราะห์นโยบาย)

    หนึ่งข้อใหญ่ๆ   ให้ศึกษา แถลงนโยบายของรัฐบาลอภิสิทธิ์ มาให้แม่นๆๆๆ  เสร็จแล้วให้อ่านหน่วยที่  4  ประกอบในการทำข้อสอบ  เน้น  วิเคราะห์ +  ทฤษฎีประกอบ  เพราะข้อนี้ อ.ธโสธร  เป็นคนออกข้อสอบและจะตรวจเองด้วยแหล่ะ   (คำตอบคร่าวๆๆ  ของข้อนี้นะ  ….จะเน้นไปที่แนวคิดให้เราศึกษาเกี่ยวกับสถานภาพทางการเมือง  เศรษฐกิจ  สังคม  ของรัฐบาลชุดนี้ (เหมือนรายงานฉบับที่ 2)  เหตุใดทั้งก่อนและหลังจึงได้มี รธน. 2540  และใน 2550  เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในประเทศไทย  ทำไม เพราะเหตุใดจึงก่อให้เกิด  รธน. 2550)

 

ขอขอบคุณ..น้องใหญ่ จากศูนย์นครสวรรค์ที่ส่งมาให้เพื่อน ๆ ได้นำไปเป็นแนวทางในการสอบจ้า

 

โพสท์ใน รัฐศาสตร์ | ใส่ความเห็น